ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากเป็นอันดับสองรองจากน้ำเปล่า ชาเชียวคือชาที่ไม่ผ่านกระบวนการหมักทำให้ใบชายังคงมีสีเขียวอยู่
และยังคงมีปริมาณคาทิชินชนิดอีจีซีจี (EGCG) อยู่สูงซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชั่น ชาวจีนโบราณได้ทราบถึงประโยชน์ของการรับประทานชาเขียวและได้มีการนำชาเขียวมาใช้ในการแพทย์แผนโบราณสำหรับอาการปวด
ระบบย่อยอาหาร อาการซึมเศร้า การขจัดสารพิษ ฟื้นฟูกำลัง
และดูแลสุขภาพทั่วไปเพื่ออายุที่ยืนยาว(1)
ปัจจุบันคุณประโยชน์ของชาเขียว หรือสารสกัดของชาเขียวได้เป็นที่สนใจมากขึ้นเนื่องจากมีการศึกษาวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
และโรคหัวใจ รวมทั้งคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ, ต้านอักเสบ, ต้านแบคทีเรีย,
ต้านไวรัส, ปกป้องสมอง, เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน และอื่นๆ(2)
คุณสมบัติเด่นของชาเขียวคือการต้านออกซิเดชั่น และอนุมูลอิสระ
ซึ่งคุณสมบัตินี้สามารถช่วยร่างกายกำจัดสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
และยังช่วยปกป้องให้การทำงานต่างๆของร่างกายให้เป็นไปอย่างปรกติ การกำจัดสารพิษก็เป็นระบบหนึ่งของร่างกายที่ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดอันตรายต่อร่างกายซึ่งแน่นอนว่าด้วยคุณสมบัติของชาเขียวนั้นสามารถทำให้มันมีส่วนช่วยในระบบกำจัดสารพิษของเราได้
Photo CR: http://www.myhealthtips.in/2013/06/ amazing-health-benefits-of-green-tea.html |
ชาเขียวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดสารพิษของตับ
เพิ่มประสิทธิภาพของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการต้านอนุมูลอิสระ(เช่น
กลูต้าไธโอนเปอร์ออกซิเดส) และการกำจัดพิษขั้นที่ 2 (เช่น กูลต้าไธโอน เอส
ทรานเฟอเรส)ได้(3,4)
นอกจากนี้เคยมีการศึกษาในอาสาสมัครสุขภาพดีที่ให้รับประทานคาทิชินจากชาเขียวเทียบเท่ากับปริมาณการดื่มชาเขียว
8-16 ถ้วยเป็นเวลา 4 สัปดาห์
พบว่าหลังจากการได้รับสารสกัดแล้วอาสาสมัครมีปริมาณเอนไซม์กูลต้าไธโอนเอสทรานเฟอเรส
หรือ GST สูงกว่าก่อนได้รับสารสกัด
รวมถึงกิจกรรมการทำงานของเอนไซม์ที่เพิ่มขึ้นด้วย(5)
ชาเขียวช่วยลดความเป็นพิษของสารพิษต่างๆต่อร่างกาย
อะฟลาทอกซิน
อัลฟาทอกซินเป็นสารพิษที่ผลิตจากเชื้อรา Aspergilus flavus และ Aspergilus
parasiticus ซึ่งเป็นเชื้อราที่เจริญได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้นอย่างเช่นประเทศเรา และมักพบปนเปื้อนในอาหารประเภทธัญพืช
ถั่วเมล็ดแห้ง สมุนไพร และเครื่องเทศเป็นต้น
อัลฟาทอกซินถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งต่อมนุษย์ในกลุ่มที่ 1
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดโรคมะเร็งตับ
มีการศึกษาในพื้นที่ประชากรจีนที่มีอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งตับสูงซึ่งเป็นไปได้ว่าพฤติกรรมความเป็นอยู่และอาหารการกินมีผลต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ
โดยจุดประสงค์การศึกษาเพื่อต้องการทราบประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งตับของโพลีฟีอนอลจากชาเขียว
(green tea polyphenol) โดยแบ่งกลุ่มให้มีกลุ่มตัวอย่างหลอก
และกลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากชาเขียวในปริมาณต่างๆกัน
พบว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากชาเขียวจะมีปริมาณอนุพันธ์ของอะฟลาทอกซินในเลือด
และปัสสาวะต่ำกว่ากลุ่มตัวอย่งหลอก
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโพลีฟีนอลจากชาเขียวสามารถลดการเมตาบอลิซึมของสารอะฟลาทอกซินได้(6)
สารก่อมะเร็งจากการปรุงอาหาร
เฮเทอโรไซคลิกเอมีน
คือสารก่อมะเร็งที่เกิดจากสารประกอบโปรตีนผ่านความร้อนสูง มีการศึกษาหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าสารโพลีฟีนอลในชาเขียวสามารถลดความเป็นพิษของสารนี้ได้
เช่นคาทิชินในชาเขียวซึงได้แก่ ECG และ EGCG สามารถยับยั้งการกลายพันธุ์ของเซลล์แบคทีเรียที่ถูกกระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็งกลุ่ม
HCA ที่มีชื่อว่า
N-hydroxy-IQ ด้วยความสามารถในการจับอนุมูลอิสระ
และการยับยั้งเอนไซม์ที่เปลี่ยน N-hydroxy-IQ ให้อยู่ในรูปไวต่อปฏิกิริยาได้(7)
สารก่อมะเร็งอื่นๆ
โพลีฟีนอลในชาเขียวสามารถยับยั้งการกระตุ้นของสาร N‐methyl‐N‐nitrosourea ให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
และลดการเจริญของเนื้องอกที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่ถูกกระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็งกลุ่มไนโตรซามีน N-butyl-(-4-hydroxybutyl) nitrosamine (BBN) ได้ในหนูทดลอง(8,9)
ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งจากสารเคมีที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
เช่น PCP (Pentachlorophenol)10
ยาปราบแมลง และยากำจัดศัตรูพืช
ลดความเป็นพิษต่อตับและไตจากยากำจัดแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตที่มีชื่อว่า
fenitrothion ซึ่งเป็นยาที่นิยมใช้ในการกำจัดศัตรูข้าว(11) หรือความเป็นพิษต่อตับของยากำจัดตัวอ่อนหรือหนอนของแมลง
เช่น cyromazine และ chlorpyrifos(12)
ได้ในหนูทดลอง
รังสี
รังสีคือพลังงานที่ปล่อยออกมาจากแหล่งกำเนิดต่างๆ เช่น
รังสียูวีจากดวงอาทิตย์, รังสีเอกซ์จากหลอดเอ็กซ์เรย์
และรังสีแกมม่าจากธาตุกัมมันตรังสีเป็นต้น
รังสีมีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงผ่านเนื้อเยื้อต่างๆได้ดี
และกระตุ้นให้เกิดการแตกตัวเป็นอิอนได้ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะทำลายเซลล์ต่างๆภายในร่างกายเราได้
มีการศึกษาพบว่าโพลีฟีนอลในชาเขียวมีคุณสมบัติในการต้านการทำลายเซลล์จากรังสีต่างๆได้
เช่นรังสียูวี(13,14), รังสีแกมม่า(15,16) และ รังสีเอ็กซื(17) ได้
โลหะหนัก
เมื่อเราได้รับโลหะหนัก
มันจะเข้าไปลดหรือยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางเอนไซม์ภายในร่างกายเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการการต้านออกซิเดชั่นดังเช่นการศึกษาในหนูทดลองที่ให้ได้รับโลหะหนักจากตะกั่วแล้วพบว่าเนื้อเยื้อตับมีการทำงานของเอนไซม์
SOD และ GST ลดลง รวมถึงการลดลงของระดับของกูลต้าไธโอน (GSH) ด้วย
ซึ่งการลดลงนี้ส่งผลให้เนื้อเยื้อตับถูกทำลายซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นพิษต่อตับของโลหะหนักตะกั่ว
และเมื่อให้สารสกัดจากชาเขียวพร้อมกับโลหะหนักตะกั่วพบว่าการสะสมของตะกั่วในเนื้อเยื้อตับลดลง,
การทำงานของเอนไซม์ SOD และ GST
เพิ่มขึ้นกว่าหนูที่ได้รับโลหะหนักตะกั่วเพียงอย่างเดียวทั้งเนื่องจากคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชั่นของชาเขียว18
มลภาวะ
มลภาวะทางอากาศภายนอกบ้าน เช่น ไอเสียจากรถยนต์, โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาไหม้ต่างๆ
จัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์19
ด้วยคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชั่น
และป้องกันมะเร็งของชาเขียวจึงมีส่วนช่วยในการป้องกันความเป็นพิษจากมละภาวะเหล่านี้ได้
ชาเขียวช่วยปกป้องอวัยวะกำจัดสารพิษอื่นๆ
นอกจากตับ แล้วไตก็ถือเป็นอวัยที่สำคัญในการกำจัดสารพิษ
สารสกัดจากชาเชียวมีคุณสมบัติในการลดการเกิดก้อนนิ่วในไตทั้งการศึกษาในหลอดทดลอง
และสัตว์ทดลอง20,21
การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันก็ถือว่าสำคัญในการปกป้องเหล่าจากสิ่งแปลกปลอม
หรือสารพิษต่างๆ สารสกัดจากชาเขียวมีส่วนช่วยให้การทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายดีขึ้น22
ที่มา
- Cabrera, C., Artacho, R., & Giménez, R. (2006). Beneficial effects of green tea—a review. Journal of the American College of Nutrition, 25(2), 79-99.
- Chacko, S. M., Thambi, P. T., Kuttan, R., & Nishigaki, I. (2010). Beneficial effects of green tea: a literature review. Chin med, 5(13), 1-9.
- Khan, S. G., Katiyar, S. K., Agarwal, R., & Mukhtar, H. (1992). Enhancement of antioxidant and phase II enzymes by oral feeding of green tea polyphenols in drinking water to SKH-1 hairless mice: possible role in cancer chemoprevention.Cancer Research, 52(14), 4050-4052.
- Na, H. K., & Surh, Y. J. (2008). Modulation of Nrf2-mediated antioxidant and detoxifying enzyme induction by the green tea polyphenol EGCG. Food and Chemical Toxicology, 46(4), 1271-1278.
- Chow, H. H. S., Hakim, I. A., Vining, D. R., Crowell, J. A., Tome, M. E., Ranger-Moore, J., ... & Alberts, D. S. (2007). Modulation of human glutathione s-transferases by polyphenon e intervention. Cancer Epidemiology Biomarkers & Prevention, 16(8), 1662-1666.
- Tang, L., Tang, M., Xu, L., Luo, H., Huang, T., Yu, J., ... & Wang, J. S. (2008). Modulation of aflatoxin biomarkers in human blood and urine by green tea polyphenols intervention. Carcinogenesis, 29(2), 411-417.
- Hernaez, J., Xu, M., & Dashwood, R. (1997). Effects of tea and chlorophyllin on the mutagenicity of N-hydroxy-IQ: studies of enzyme inhibition, molecular complex formation, and degradation/scavenging of the active metabolites.Environmental and molecular mutagenesis, 30(4), 468.
- Narisawa, T., & Fukaura, Y. (1993). A very low dose of green tea polyphenols in drinking water prevents N‐methyl‐N‐nitrosourea‐induced colon carcinogenesis in F344 rats. Cancer Science, 84(10), 1007-1009.
- Sagara, Y., Miyata, Y., Nomata, K., Hayashi, T., & Kanetake, H. (2010). Green tea polyphenol suppresses tumor invasion and angiogenesis in N-butyl-(-4-hydroxybutyl) nitrosamine-induced bladder cancer. Cancer epidemiology, 34(3), 350-354.
- Umemura, T., Kai, S., Hasegawa, R., Kanki, K., Kitamura, Y., Nishikawa, A., & Hirose, M. (2003). Prevention of dual promoting effects of pentachlorophenol, an environmental pollutant, on diethylnitrosamine-induced hepato-and cholangiocarcinogenesis in mice by green tea infusion. Carcinogenesis, 24(6), 1105-1109.
- Elhalwagy, M. E., Darwish, N. S., & Zaher, E. M. (2008). Prophylactic effect of green tea polyphenols against liver and kidney injury induced by fenitrothion insecticide. Pesticide biochemistry and physiology, 91(2), 81-89.
- HEIKAL, T. M., MOSSA, A. T. H., RASOUL, M. A. A., & MAREI, G. I. K. (2013). The ameliorating effects of green tea extract against cyromazine and chlorpyrifos induced liver toxicity in male rats. changes, 5, 9.
- Morley, N., Clifford, T., Salter, L., Campbell, S., Gould, D., & Curnow, A. (2005). The green tea polyphenol (−)‐epigallocatechin gallate and green tea can protect human cellular DNA from ultraviolet and visible radiation‐induced damage. Photodermatology, photoimmunology & photomedicine, 21(1), 15-22.
- Heinrich, U., Moore, C. E., De Spirt, S., Tronnier, H., & Stahl, W. (2011). Green tea polyphenols provide photoprotection, increase microcirculation, and modulate skin properties of women. The Journal of nutrition, 141(6), 1202-1208.
- Nada, A. S., Amin, N. E., Aziz, M. M., Ain-Shoka, A., & Abdel-Latif, H. A. (2012). Green Tea attenuates some biochemical disorders induced by γ-irradiation in male rats.
- Davari, H., Haddad, F., Moghimi, A., Rahimi, M. F., & Ghavamnasiri, M. R. (2012). Study of radioprotective effect of green tea against gamma irradiation using micronucleus assay on binucleated human lymphocytes. Iranian journal of basic medical sciences, 15(5), 1026.
- Zhu, W., Xu, J., Ge, Y., Cao, H., Ge, X., Luo, J., ... & Cao, J. (2014). Epigallocatechin-3-gallate (EGCG) protects skin cells from ionizing radiation via heme oxygenase-1 (HO-1) overexpression. Journal of Radiation Research, rru047.
- Mehana, E. E., Meki, A. R., & Fazili, K. M. (2012). Ameliorated effects of green tea extract on lead induced liver toxicity in rats. Experimental and toxicologic pathology, 64(4), 291-295.
- IARC: outdoor air pollution a leading environmental cause of cancer deaths. IARC, 2013: press release (17-10-2013), (PDF), 78 KB
- Itoh, Y., Yasui, T., Okada, A., Tozawa, K., Hayashi, Y., & Kohri, K. (2005). Preventive effects of green tea on renal stone formation and the role of oxidative stress in nephrolithiasis. The Journal of urology, 173(1), 271-275.
- Jeong, B. C., Kim, B. S., Kim, J. I., & Kim, H. H. (2006). Effects of green tea on urinary stone formation: an in vivo and in vitro study. Journal of endourology,20(5), 356-361.
- Bukowski, J. F. (2013). Role of Green Tea Polyphenols in Strengthening the Immune System. Green Tea Polyphenols: Nutraceuticals of Modern Life, 223.