วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Flax Seed Food for Woman

เมล็ดแฟลกซ์ยอดอาหารของผู้หญิง


แฟลกซ์ เป็นพืชที่มีการเพาะปลูกเพื่อนำไปสกัดน้ำมัน หรือ เยื้อใย(ทำผ้าลินิน) แคนาดาเป็นประเทศที่มีการปลูกแฟลกซ์มากที่สุด  สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพเมล็ดแฟลกซ์จะเป็นที่รู้จักในการเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ชื่อว่ากรดอัลฟาไลโนเลนิก (Alpha Linolenic Acid, ALA) และพฤษเคมีที่ชื่อว่า ลิกแนน (Lignan) ซึ่งคุณสมบัติเป็นไฟโตเอสโตรเจน


ลิกแนนที่พบมากในเมล็ดแฟลกซ์คือ ซีโคไอโซลาริซิเรซินอล ไดไกลโคไซด์ (Secoisolariciresinol diglycoside, SDG) ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น เอนเทอโรไดออล (Enterodiol) และ เอนเทอโรแลกโตน (Enterolactone) โดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์  ซึ่งสารทั้งสองนี้มีคุณสมบัติเป็น “ไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen)


ทั้งเอนเทอโรไดออล และ เอนเทอรโรแลกโตนจะมีฤทธิ์อ่อนๆของเอสโตรเจน และก็มีฤทธิ์อ่อนๆในการต้านการทำงานของเอสโตรเจนด้วย  ซึ่งคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของเอสโตรเจนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งหรือเนื้องอกที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งได้แก่ มะเร็งเต้านมในผู้หญิง และ มะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย

แฟลกซ์ลิกแนนดียังไง

ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรค

ลิกแนนที่พบในเมล็ดแฟลกซ์ รวมถึงอนุพันธ์ต่างๆ และเมตาบอไลท์ของมันเมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้ว  มีคุณสบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีความข้องเกี่ยวกับการลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และเบาหวาน

ป้องกัน และต้านมะเร็งมะเร็งเต้านม

สาเหตุหนึ่งของมะเร็งเต้านมจะเกิดจากการที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป หรือเซลล์ในเนื้อเยื้อเต้านมมีความไวต่อฮอร์โมนมากไป ทำให้เนื้อเยื้อเต้านมที่มีความไวต่อฮอร์โมนนี้เกิดการแบ่งตัว และเพิ่มจำนวนผิดปรกติจนกลายเป็นเนื้องอก และก่อให้เกิดมะเร็ง


ลิกแนนจากแฟลกซ์เป็นไฟโตเอสโตรเจนจึงมีคุณสมบัติทั้ง “เสริม” และ “ต้าน” การทำงานของเอสโตรเจน  หลายคนอาจจะงง?ว่าถ้ามันเสริมแล้วยิ่งไม่ไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหรือ  ในเมื่อเอสโตรเจนถือว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งเต้านม  และยังมีบางการศึกษาที่พบว่าไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองซึ่งก็เป็นไฟโตเอสโตรเจนเช่นกันสามารถแสดงคุณสมบัติในการเสริมการทำงานของเอสโตรเจนในผู้เป็นมะเร็งเต้านมได้

มีการศึกษาที่พบว่าเมล็ดแฟลก, เอนเทอโรไดออล และเอนเทอโรแลกโตน  จะไม่แสดงคุณสมบัติของเอสโตรเจนในผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม แต่จะแสดงคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งจะไปลดการเพิ่มจำนวนของเซลล์เนื้องอก และเพิ่มการตายของเซลล์มะเร็ง  โดยพบว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมที่รับประทานเมล็กแฟลกซ์เสริมจะมีการโตของเนื้องอกน้อยลง และมีการตายของเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้น

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเมล็ดแฟลกซ์มีการปลูกกันมากในประเทศแคนาดา  จึงได้มีการศึกษาในแคนาดาแล้วพบว่าการบริโภคเมล็ดแฟลกซ์สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ซึ่งผลจากการศึกษานี้ทำให้เห็นแนวทางในการป้องกันอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งเต้านม

ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ

ฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างกระดูก ระบบการทำงานของหัวใจและสมอง  สุขภาพผิว  และมะเร็งบางชนิด เช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่  แต่ก็ก่อให้เกิดโทษในเนื้อเยื้อเต้านม และเยื้อบุมดลูก(endometrium) ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งเยื้อบุโพรงมดลูก

ระดับการผลิตฮอร์โมนเพศในผู้หญิงนั้นแต่ละคน แต่ละวัยจะมีความแตกต่างกัน บ้างมาก บ้างน้อย ทำให้บางช่วงเกิดความไม่สมดุล และส่งผลต่อทั้งสุขภาพร่างกาย และจิตใจ ปัจจัยที่ผลต่อระดับการผลิตฮอร์โมนเพศได้แก่ อายุ ความเจ็บป่วย ความเครียด ปัจจัยแวดล้อม และพันธุกรรม

ลิกแนนจากแฟลกซ์มีคุณสมบัติเป็นไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งสามารถแสดงคุณสมบัติทั้งเสริม และต้านฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ตามสภาพความเหมะสมของร่างกาย

มีส่วนช่วยป้องกันการอ้วน

ลิกแนนจากแฟลกมีผลต่อการแสดงออกของยีนที่จะไปลดการสะสมไขมันในเนื้อเยื้อในหนูทดลองที่ให้กินอาหารที่มี
ปริมาณไขมันสูง  และยังมีการศึกษาในแคนาดาที่พบว่าผู้หญิงที่มีระดับเอนเทอโรแลกโตนสูงจากการบริโภคลิกแนน  จะมีดัชนีมวลร่างกาย(BMI) และมวลไขมันต่ำกว่าผู้หญิงที่มีระดับต่ำ  และยังมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย


บรรเทาอาการวัยทอง
มีการศึกษาในผู้หญิงวัยทองที่เป็นโรคเบาหวานเพื่อจะดูถึงประสิทธิภาพในการลดดัชนีมวลกาย และระดับน้ำตาลในเลือดของการรับประทานเมล็ดแฟลกซ์  ซึ่งผลปรากฏว่านอกจากดัชนีมวลกาย และระดับน้ำตาลจะลดลงแล้ว  อาการวัยทองซึ่งได้แก่ ร้อนวูบวาบ ภาวะซึมเศร้า นอนไม่หลับ เหงื่อออกตอนกลางคืน และความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ก็บรรเทาลงด้วย

ดีต่อกระดูก
มีการศึกษาในหนูทดลองพบว่าลิกแนนจากแฟลกซ์สามารถป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกเนื่องจากภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนได้

ลดการเกิดสิว
ถึงแม้ว่าสาเหตุในการเกิดสิวยังไม่เป็นที่สรุปชัดเจน  แต่ก็พอจะกล่าวได้ว่า “สมดุลของฮอร์โมน” และ “เชื้อแบคทีเรีย” ค่อนข้างมีความข้องเกี่ยวกับการเกิดสิว  โดยฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญคือ ฮอร์โมนเอนโดรเจน(ฮอร์โมนเพศชาย) เนื่องจากฮอร์โมนนี้จะกระตุ้นให้มีการเพิ่มการผลิตซีบั่ม(Sebum)ในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณหน้า หน้าอก และหลัง

ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone, DHT) เป็น ฮอร์โมนเอนโดรเจนชนิดหนึ่ง และมีความเกี่ยวข้องกับเกิดสิว  การได้รับลิกแนนจากแฟลกซ์สามารถลดการผลิต DHT จึงอาจช่วยในการลดการเกิดสิวได้

และด้วยคุณสมบัตินี้จึงเป็นประโยชน์ต่อท่านชายที่มีฮอร์โมนเพศชายมากเกินไปจนมีความเสี่ยงในการเป็นต่อมลูกหมากโต หรือ มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมถึงผมร่วงเนื่องจากภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล  ซึ่งลิกแนนจากแฟลกจะสามารถปรับระดับฮอร์โมนเพศชายให้สมดุลจึงบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้

ที่มา

Touré, A., & Xueming, X. (2010). Flaxseed Lignans: Source, Biosynthesis, Metabolism, Antioxidant Activity, BioActive Components, and Health Benefits.Comprehensive reviews in food science and food safety, 9(3), 261-269.
Wang, L. Q. (2002). Mammalian phytoestrogens: enterodiol and enterolactone.Journal of Chromatography B, 777(1), 289-309.
Jungeström, M. B., Thompson, L. U., & Dabrosin, C. (2007). Flaxseed and its lignans inhibit estradiol-induced growth, angiogenesis, and secretion of vascular endothelial growth factor in human breast cancer xenografts in vivo. Clinical Cancer Research, 13(3), 1061-1067.
Lowcock, E. C., Cotterchio, M., & Boucher, B. A. (2013). Consumption of flaxseed, a rich source of lignans, is associated with reduced breast cancer risk. Cancer Causes & Control, 24(4), 813-816.
Gruber, C. J., Tschugguel, W., Schneeberger, C., & Huber, J. C. (2002). Production and actions of estrogens. New England Journal of Medicine, 346(5), 340-352.
Fukumitsu, S., Aida, K., Ueno, N., Ozawa, S., Takahashi, Y., & Kobori, M. (2008). Flaxseed lignan attenuates high-fat diet-induced fat accumulation and induces adiponectin expression in mice. British journal of nutrition, 100(03), 669-676.
Morisset, A. S., Lemieux, S., Veilleux, A., Bergeron, J., John Weisnagel, S., & Tchernof, A. (2009). Impact of a lignan-rich diet on adiposity and insulin sensitivity in post-menopausal women. British journal of nutrition, 102(02), 195-200.

Kapoor, S., Sachdeva, R., & Kochhar, A. (2011). Effect of Flaxseed Supplementation on body mass Index and Blood Glucose Levels of Menopausal Diabetic Females. Journal of Research, 48(1and2), 77-83.
Nahla, E., Thabet, H. A., & Ahmed, H. (2013). The effect of supplementation with flaxseed and its extract on bone health. Nature & Science, 11(5).
Cappel, M., Mauger, D., & Thiboutot, D. (2005). Correlation between serum levels of insulin-like growth factor 1, dehydroepiandrosterone sulfate, and dihydrotestosterone and acne lesion counts in adult women. Archives of dermatology, 141(3), 333-338.
Evans, B. A. J., Griffiths, K., & Morton, M. S. (1995). Inhibition of 5α-reductase in genital skin fibroblasts and prostate tissue by dietary lignans and isoflavonoids. Journal of Endocrinology, 147(2), 295-302.
Bisson, J. F., Hidalgo, S., Simons, R., & Verbruggen, M. (2014). Preventive Effects of Lignan Extract from Flax Hulls on Experimentally Induced Benign Prostate Hyperplasia. Journal of medicinal food.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น